ตัวผมเองก็มักจะเกิดปัญหาเรื่องความย้อนแย้งในตัวเองเช่นกัน "เพราะคนเรามักจะอยากได้ในบางสิ่งโดยที่ไม่ต้องการจะทำบางอย่าง" แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อหนทางมันมีให้เดินเช่นนั้น ขั้นตอนมันต้องเป็นไปตามนั้น
"วิธีลัด" ผมคิดว่าน่าจะเป็นคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้น หลายคนก็ยิ่งใหญ่และเติบโตมาได้ด้วยการอาศัยทางลัด ซึ่งบอกไม่ได้ว่าทางลัดของแต่ละคนที่นำมาใช้เพื่อจุดหมายปลายทางนั้น เป็นการกระทำโดยชอบหรือโดยมิชอบ
ผมเป็นโปรแกรมเมอร์ลูกทุ่ง หรือเขียนโปรแกรมด้วยหลักการบ้านๆ มาแล้ว 5 ปี ผมไม่รู้หรอกว่าในเมืองหลวง หรือตามเมืองใหญ่ๆ เขาเขียนโปรแกรมกันอย่างไรบ้าง ต้องจัดทำเอกสารขั้นตอนที่ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างไร ผมจึงเฝ้าติดตามโปรแกรมเมอร์ที่มีชื่อเสียงหลายๆท่านมาโดยตลอด
"เรื่องไหนทำได้ก็พยายามทำ เรื่องไหนทำไม่ได้ก็จำเป็นต้องปล่อยผ่านไป" มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะฝึกและทำให้ได้แบบที่เขาเขียนเป็นแนวทางมาให้เรา แต่ก็ดีที่ได้พยายามอยู่บ้างแต่ไม่ว่าอย่างไรเสีย หลักการก็ยังคงเป็นวิชาการที่ปวดหัว
"ต่างก็บอกว่าขาดแคลนโปรแกรมเมอร์
นักศีกษาที่จบออกมาไม่ผ่านเกณฑ์"
ผมอยากจะถามหน่อย ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ แล้วเขาจะจบออกมาได้ไง?"พื้นฐานสำคัญสุด ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน" เพราะเหตุนี้เองพวกเราจึงได้เรียนแต่หลักการ วิชาการที่แน่นปึ๊ก เข้าใจถึงโครงสร้างฐานข้อมูล ทำข้อสอบได้ ผ่านเกณฑ์ทุกอย่าง แต่ถามว่า
"ตลาดต้องการนักวิชาการในตำราไหม?"
จริงๆแล้วเราต้องการคนที่เขียนโปรแกรมเป็นมิใช่หรือ? ทำไมถึงไม่สอนให้เด็กเขียนโปรแกรมเป็น มัวแต่สอนศาสตร์ชั้นสูงที่ต้องจำและสอบกันแทบเป็นแทบตายทำไมกัน!!"ศาสตร์ชั้นสูง" ผมมองว่าเหมาะสำหรับพวกที่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ไปเขียนโปรแกรมวิเคราะห์สภาพอากาศ ถอดรหัสเสียง แยกความเข้มของแสง หรือจะยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น โปรแกรมตกแต่งภาพ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ โปรแกรมตกแต่งเสียง หรือพยากรณ์อากาศพวกนี้ต่างหากที่ต้องเรียน
ถามว่า "โปรแกรมพวกนี้ ใช่ที่ท้องตลาดต้องการหรือไม่?"
ผมขอสรุปเลยว่า สิ่งที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ คือ ต้องแยกแยะความต้องการให้ออก ว่าใครสนใจด้านไหนใครอยากเขียนโปรแกรมระดับเทพ ใครอยากเขียนโปรแกรมเพื่อใช้ในธุรกิจ หรือที่ตลาดต้องการ ก็แยกออกมาเลย1) เขียนโปรแกรมในงานอุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติ ควบคุมเครื่องจักร การขนส่ง โลจิสติกส์ต่างๆ
2) เขียนโปรแกรมเชิงวิเคราะห์ ที่ใช้ศาสตร์ขั้นสูง เพื่อสร้างโปรแกรมตกแต่งภาพชั้นเยี่ยมแข่งกับ Photoshop, Lightroom หรือโปรแกรมแต่งเสียงหวานๆ ตัดต่อวิดีโอขั้นเทพ พยากรณ์อากาศแบบข้ามปีอย่างแม่นยำ
3) เขียนโปรแกรมทางธุรกิจ พวกออกใบสั่งซื้อ ขายหน้าร้าน สต๊อกสินค้า ระบบจองต่างๆ สอนไปเลยสักปีละระบบ 4 ปีก็ได้ 4 ระบบ เอาให้เข้าใจกระบวนการของงานในประเภทนั้นๆไปเลย จบออกมาจะได้ทำมาหากินได้ ไปสมัครที่ไหนใครๆก็รับ
ถ้าวันนี้ยังสอนในแบบเดิมๆ สอนศาสตร์ยากๆรวมกันหมด จนสุดท้ายเด็กก็จบออกมาแบบท่องจำ สอบผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง จบออกมาก็ล้มหายตายจากอาชีพโปรแกรมเมอร์กันหมด มันอาจจะเป็นเรื่องยาก และผู้หลักผู้ใหญ่คงจะคัดค้านแน่นอน ว่าหลักวิชาการสำคัญที่สุด
"แต่มันจะดีอย่างไร จำเป็นอย่างไร มันจะได้อะไรขึ้นมา
หากสอนในสิ่งที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตจริง!!"
--------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวการเขียนโปรแกรม PHP ได้ที่
https://www.youtube.com/user/PHPcodingAndDesign/featured
เตรียมตัวก่อนเขียน PHP 5.5
https://www.youtube.com/playlist?list=PLEFxdFJkMLu78rEFPPzkpeieOGEJp730g
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น